
“หญิงสาว” คนหนึ่งที่ติดอยู่ใน “แคปซูลอะไรบางอย่าง” ด้วย “เหตุผลอะไรบางอย่าง” โดยที่เธอมีพันธนาการต่าง ๆ มากมาย พร้อมกับอุปสรรคบางอย่าง นอกจากการติดอยู่ในแคปซูลอะไรก็ไม่รู้ เธอเองก็ยังจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเธอเองเป็นใคร มาอยู่ในนั้นได้อย่างไร ข้างนอกแคปซูลมีใครหรือมีอะไรรออยู่ เธอยังต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่นั่นก็คือ ปริมาณออกซิเจนในแคปซูลที่กำลังจะหมดลงเรื่อย ๆ แต่โชคยังดีที่ในแคปซูลนั้นยังมี ‘มิโล’ (Milo) ระบบ AI ในแคปซูลที่ยังพอจะช่วยให้เธอในการค้นหาข้อมูลว่าเธอเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วจะออกไปจากแคปซูลนี้ได้ยังไง รวมถึงยังโทรศัพท์ติดต่อคนภายนอกได้ด้วย
จริง ๆ แล้วเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ที่ชัดเจนมาก ๆ เลยก็คือว่า เราจะไม่รู้อะไรเลยไปพร้อม ๆ กับหญิงสาวคนนี้ครับ คือจริง ๆ ผู้เขียนจะบอกชื่อ หรือบอกข้อมูลบางอย่างก็ได้แหละครับ แต่ผู้เขียนมองว่า ด้วยบทภาพยนตร์ที่ออกแบบเรื่องราวให้เรารู้ไปพร้อม ๆ กันกับหญิงสาวคนนี้ โดยที่เธอเองก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ที่มาที่ไปทีละเปลาะ ๆ และแถมยังต้องระลึกชาติให้ได้ด้วยว่าเธอเองเป็นใคร มีแบ็กกราวนด์ยังไง เพื่อที่จะได้ค้นหาว่าทำไมเธอต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ รวมถึงสถานะที่เธอเป็น และสภาวะบางอย่างที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างภายในเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อหาที่ไม่ควรสปอยล์ และจะยิ่งดีมากถ้ากดดูเลยโดยไม่ดูตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนครับ
จริง ๆ นอกจากพล็อตที่น่าสนใจและไม่ควรสปอยล์แล้ว สิ่งที่เจ๋งมาก ๆ ของหนังเรื่องนี้ก็คือบทครับ ผู้เขียนเองรู้สึกประทับใจในการออกแบบบทที่วางเหตุและผล รวมถึงวางปมให้นางเอกตามแก้ปมทีละปมได้อย่างสมเหตุสมผลและน่าเชื่อมาก ๆ ครับ ในหนัง นางเอกนี่แทบจะแอ็กชันอะไรไม่ได้มากเลย นอกจากการสื่อสารกับมิโล และใช้ข้อมูล ความทรงจำที่ค่อย ๆ กลับมาทีละนิด บวกกับสติปัญญา ในการแก้ปัญหา ค้นหาข้อมูลที่ลึกขึ้น ซับซ้อนยิ่งขึ้น และทะเยอทะยานมากขึ้นเพียงเท่านั้นเอง
ซึ่งตอนแรกแน่นอนว่า หญิงสาวคนนี้ตื่นมาในแคปซูลโดยที่มีเพียงความทรงจำเลือนราง นางเอกก็เลยทำอะไรได้แบบก๊อก ๆ แก๊ก ๆ รอบกลไกของแคปซูลอันทันสมัย และมีสายอะไรก็ไม่รู้ระโยงระยางติดตัวเธอเต็มไปหมด ซึ่งบทนั้นสามารถทำให้หญิงสาวสามารถที่จะ “เล่น” กับทุกฟังก์ชันในแคปซูลที่ดักทางเธอไม่ให้เอาตัวรอดหรือหนีออกจากแคปซูลไปได้ง่าย ๆ พร้อม ๆ กับการเอาตัวรอดจากความเป็นความตาย โดยมีออกซิเจนในแคปซูลอย่างจำกัดจำเขี่ยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก ๆ
รวมถึงการเขียนบทที่เรียกได้ว่าทะเยอทะยานมาก ๆ ครับ จริง ๆ ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้สามารถเดาเนื้อเรื่องได้ไหม ผู้เขียนคิดว่าคงได้ครึ่งหนึ่งครับ เพราะอีกครึ่งหนึ่งนี่บอกได้เลยว่า มันไปไกลกว่าที่คิดมาก และก็ด้วยบทอีกนั่นแหละที่เขียนทุกอย่างไว้อย่างสมเหตุสมผลดีจริง ๆ ประกอบกับด้วยบทและการแสดงโดดเดี่ยวในที่ปิดตายที่ต้องยกประโยชน์แบบเต็ม ๆ ให้กับเมลานี โลรองต์ ที่แม้ว่าจะมีนักแสดงคนอื่น ๆ ร่วมด้วยเล็กน้อย แต่เธอคือคนเดียวที่สามารถเคลื่อนบทบาทไปได้ไกลเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้จริง ๆ ครับ