
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1924 ณ โรงละครฝึกนักแสดงอุปรากรจีนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จู่ ๆ โสเภณีนางหนึ่งเลี้ยงลูกไม่ไหวเลยมาทิ้งเด็กชายคนหนึ่งชื่อโตวจื้อ (Douzi)ไว้ที่นี่ ซึ่งเด็กน้อยคนนี้ต้องเผชิญวิบากกรรมชีวิตด้วยการฝึกฝนที่หนักหนาสาหัส ทั้งเจ็บปวด โหดร้าย ยัดเยียดและล้างสมองให้เขาคิดและทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็น ….นั่นก็คือเป็น ผู้หญิง เป็นที่รู้กันดีว่าการแสดงอุปรากรจีน (เรียกสั้น ๆ ว่า งิ้ว / Peking Opera) ประกอบไปด้วยนักแสดงแต่งองค์ทรงเครื่องวิจิตรตระการตา แต่งหน้าทาสี(เฉพาะผู้ชายจะเทียบเคียงกับการใส่หน้ากาก) มีการร้องรำทำเพลง รวมไปถึงการต่อสู้ร่ายรำอาวุธ ว่าด้วยเรื่องราชสำนัก ขุนนาง พลทหาร บัณฑิตและสาวงามในโบราณกาล อันเป็นศิลปะการแสดงอันเก่าแก่ของจีน ถือกำเนิดขึ้นมากว่าสองร้อยปีแล้ว(เชื่อกันว่าเข้าสู่ปักกิ่งนับตั้งแต่ปีค.ศ. 1790 แต่เป็นรูปเป็นร่างเต็มที่เมื่อปี ค.ศ. 1845) โดยเริ่มเฟื่องฟูเบ่งบานในสมัยราชวงศ์ชิง(แมนจู) ยุคจักรพรรดิเฉียนหลงที่โปรดปรานการแสดงดังกล่าวและถือเป็นศิลปะชั้นสูง โดยออกคำสั่งเมื่อค.ศ. 1772 ว่าตัวละครงิ้วปักกิ่งที่จะแสดงได้ต้องเป็นชายล้วนเท่านั้น …..ผู้หญิงหมดสิทธิ์เล่น เนื่องจากเด็กชายผู้นี้ถูกวางบทบาทชีวิตบนเวทีให้แสดงเป็นหญิง ดังนั้นเขาถูกบังคับให้เปลี่ยนวิธีคิดให้ได้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง แม้จะปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ข้าเป็นเด็กผู้ชาย ทว่าในที่สุด กระบวนการล้างสมองแสนทารุณนี้ก็ประสบความสำเร็จ ตัวเขาต้องยอมจำนน และยอมรับว่า ข้าเป็นเด็กผู้หญิง !! นั่นเป็นประเด็นแรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กล้าตีแผ่ …โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของรักเพศเดียวกัน อันต้องห้ามในสังคมจีนในยุคนั้นไม่น้อยหน้าอคติอื่นใดของสังคม